อยากเดินป่า
อยากเดินป่า ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ให้เหมือนนักเดินป่ามืออาชีพและปลอดภัยต่อตัวเองที่สุด กิจกรรมเดินป่านั้นเป็นอีกกิจกรรมท่องเที่ยวสนุก ๆ ที่นอกจากจะทำให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังให้อะไรกับเรามากกว่าที่คิด ทั้งได้ลองเรียนรู้การเอาชีวิตรอดในป่า ได้เจอเพื่อนใหม่ ได้เห็นธรรมชาติในมุมมองที่แตกต่างออกไป เป็นต้น แต่ก็มีหลายคนที่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร วันนี้ก็เลยนำเอาข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมตัวไปเที่ยวเดินป่ามาฝากกัน
ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ให้เหมือนนักเดินป่ามืออาชีพและปลอดภัยต่อตัวเองที่สุด
1. ศึกษาเกี่ยวกับเส้นทางเดินป่าที่จะไปเที่ยว
ในเมืองไทยมีเส้นทางเดินป่าเยอะแยะมากมายทั่วทุกภาค ซึ่งจะเปิดให้เข้าเที่ยวชมในช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป บางเส้นทางน่าเที่ยวเฉพาะหน้าฝน บางเส้นทางก็เที่ยวได้เฉพาะหน้าหนาว ก็ต้องเช็กกับทางเจ้าหน้าที่ที่ดูแลก่อนเดินทาง แล้วก็ศึกษาเกี่ยวกับเส้นทางนั้น ๆ เช่น ดูว่าระยะทางกี่กิโลเมตร ใช้เวลาเดินนานไหม ลักษณะเป็นทุ่งหญ้า ป่าไผ่ หรือป่าดงดิบ ต้องข้ามลำธารลำห้วยหรือไม่ มีจุดพักระหว่างทางหรือเปล่า ฯลฯ เพราะจะมีผลต่อการเตรียมตัว และการเตรียมข้าวของต่าง ๆ
2. เตรียมร่างกายให้พร้อม
เมื่อหาข้อมูลต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องมาเตรียมร่างกายให้พร้อม ดูว่าตัวเองมีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ โรคที่ไม่แนะนำให้เดินป่า ก็คือ โรคหัวใจ และโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด ความดันสูง-ต่ำ โรคหอบหืด โรคลมชัก โรคที่เกี่ยวกับข้อเข่า เช่น เกาต์ เป็นต้น หากพบว่าตัวเองไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นอันตราย คราวนี้ก็มาเตรียมร่างกายให้พร้อม แนะนำให้ออกกำลังกายก่อนไปเที่ยวอย่างน้อยควรเริ่มออกก่อนสัก 2 สัปดาห์ – 1 เดือน เน้นคาร์ดิโอ เพื่อให้หัวใจได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ฝึกเดินขึ้น-ลงบันไดให้ชินเพราะซ๋ษบางเส้นทางจะเป็นการเดินขึ้นเขาชัน จะได้ไม่ทำให้กล้ามเนื้ออักเสบ และไม่เกิดอาการเจ็บป่วยระหว่างท่องเที่ยว หรือหลังจากกลับมาจากการเดินป่าแล้ว
3. ศึกษาสภาพอากาศ
ก่อนเดินทางทุกครั้งควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อน รวมทั้งเช็กกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ถึงสถานการณ์สภาพอากาศในปัจจุบันเพื่อการเตรียมตัวที่ถูกต้อง จะได้เตรียมเสื้อผ้า กระเป๋าเดินทาง และอุปกรณ์ให้ครบถ้วนตามสภาพอากาศนั้นๆ
4. การเตรียมกระเป๋าเดินทาง
กระเป๋าที่ใช้ควรจะเป็นแบบกันน้ำ หรือมี Rain Cover แต่ถ้าสู้ราคาไม่ไหว ก็ขอแนะนำให้เอาของใส่ถุงพลาสติกก่อนที่จะแพ็กลงกระเป๋า เพื่อป้องกันข้าวของและเสื้อผ้าเปียกฝนหรือน้ำค้าง
5. การเตรียมอุปกรณ์ค้างแรม
หากต้องไปค้างแรมด้านบนเขา ให้สอบถามเจ้าหน้าที่ให้แน่นอนว่าข้างบนนั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง เพราะบางเส้นทางก็ไม่ได้มีอะไรเตรียมไว้เลย และเราจะต้องจ้างลูกหาบนำขึ้นไปทั้งหมด กรณีที่เราต้องเตรียมอุปกรณ์ค้างแรมเอง สิ่งที่ควรเตรียมเบื้องต้น เช่นอุปกรณ์กางเต็นท์, ถุงนอน, น้ำสะอาด, หรืออาหารกระป๋อง, อุปกรณ์หุงข้าว/ต้มน้ำ (ปกติเจ้าหน้าที่จะมีหม้อสนามติดตัว), จาน-ชาม, ทิชชูเปียกและแห้ง, น้ำยาล้างจาน, มีดพกเล่มเล็ก เป็นต้น
6. สิ่งของจำเป็นที่ควรพกไป
สิ่งของที่จำเป็นสำหรับการเดินป่า เช่น เสื้อผ้า 2-3 ชุด, เสื้อกันลม/กันฝน, กระบอกเก็บความร้อน/เย็น, ยารักษาโรคประจำตัวและยาสามัญประจำบ้าน, อุปกรณ์ปฐมพยาบาล, สเปรย์ฉีดคลายกล้ามเนื้อ, สเปรย์ฉีดกันยุง/ทาก/คุ่น, ไฟฉาย, ไฟแช็ก, ถุงดำ 1-2 ใบ, กล่องข้าว+ช้อน, ทิชชูแห้ง-เปียก, อุปกรณ์อาบน้ำ, น้ำดื่มสะอาดอย่างน้อย 2 ลิตร (แบ่งดื่มระหว่างทาง + ทำอาหาร), อาหารสำหรับการพักค้างแรม (กรณีไม่มีร้านค้า/เจ้าหน้าที่ไม่ได้จัดเตรียมไว้ให้), ที่กรองน้ำเล็ก ๆ (กรณีต้องกรอกน้ำในป่า), เต็นท์, ถุงนอน เป็นต้น
7. เดินป่าให้ปลอดภัย
เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วก็มาถึงวันเดินทางจริง ก่อนที่เดินเข้าสู่เส้นทางเดินป่าระยะไกล ส่วนใหญ่แล้วเจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำกับนักท่องเที่ยวถึงการปฏิบัติตัวเบื้องต้นขณะที่อยู่ในป่า ให้ตั้งใจฟังและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพราะทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองทั้งสิ้น หากเป็นระยะทางไกล ๆ หรืออันตรายมาก ๆ ควรจัดเตรียมกระเป๋าให้รอบคอบ ให้นำเฉพาะสิ่งของจำเป็นลงกระเป๋าจะได้ไม่หนักและไม่ปวดไหล่ ถ้าอากาศค่อนข้างร้อน ให้เอาน้ำแดง/น้ำหวาน+น้ำแข็งใส่กระบอกเก็บความเย็นที่เตรียมมา เอาไว้จิบระหว่างวัน และพกช็อกโกแลตสัก 1-2 แท่งติดกระเป๋า เอาไว้กินเพิ่มพลังงาน
การเดินให้ค่อย ๆ เดิน ไม่ต้องเร่งรีบ หายใจเข้า-ออกยาว ๆ พยายามเกาะกลุ่มกับเพื่อนร่วมทางเข้าไว้ ไม่เดินออกนอกเส้นทางที่เจ้าหน้าที่แนะนำ ก่อนจะนั่งพักบนพื้นควรหาถุงดำมารองก้น หรือนั่งบนพื้นโล่ง ๆ ที่ไม่มีหญ้ารก และหลีกเลี่ยงการนั่งบนขอนไม้ เพราะอาจมีแมลงตัวเล็ก ๆ ที่เรามองไม่เห็นเกาะอยู่ อาจจะกัดต่อยทำให้เจ็บปวด หรือแพ้ได้ ทั้งนี้หากรู้สึกว่าไม่ไหว หรือหายใจไม่ทัน หรือเดินต่อไม่ได้แล้ว ให้รีบแจ้งเพื่อนร่วมทีมและเจ้าหน้าที่ทันที อย่าฝืน เพราะอาจะเกิดอันตรายถึงชีวิตได้