หมวดหมู่: Lifestyle & Fashion

ดวงการเงินปี 2565 ราศีไหนปังมาดูกัน

ดวงการเงินปี 2565

          ในช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่มีดาวใหญ่ย้ายราศีใกล้ ๆ กัน ทั้งดาวพฤหัสบดีและราหู ซึ่งการที่ดาวใหญ่มีการโยกย้ายราศีนั้นก็จะส่งผลสะเทือนเลื่อนขั้นไปทั้ง 12 ราศี โดยเฉพาะเรื่องเงินทอง โชคลาภ ผลประโยชน์ ซึ่งในช่วงนี้ก็ใกล้วันแห่งความหวังเข้าไปทุกที เราจึงอยากชวนทุกคนมาเช็คเลเวลความดวงดีในเรื่องโชคลาภกัน ว่าราศีของคุณนั้นจะมีโอกาสได้โชคลาภก้อนใหญ่บ้างไหมในงวดนี้

          ซึ่งเราได้รวบรวมคำทำนายจากหมอดูชื่อดังมาจัดอันดับ โดย 5 อันดับดวงการเงินปี 2565  ที่ดวงชะตาดี ชีวิตพลิกจากหลังเท้าเป็นหน้ามือที่ขาวผ่อง ชีวิตเฮงแบบเต็มๆ ได้แก่ อันดับ 1 ราศีธนู อันดับ 2 ราศีมังกร อันดับ 3 ราศีพฤษภ อันดับ 4 ราศีเมถุน อันดับ 5 ราศีมีน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

5 อันดับราศีดวงการเงินปังไม่หยุดฉุดไม่อยู่

ราศีธนู  (ผู้เกิดระว่าง 16 ธ.ค. – 14 ม.ค.)

          ก็ถือได้ว่าเป็นราศีที่จังหวะดวงดาวแห่งการเงิน โดดเด่นทั้งในโชคลาภ เรื่องของรายได้ มีโอกาสที่จะหาเงินได้จากหลายทาง สำหรับใครที่กำลังติดต่อ เจรจาธุรกรรมทางการเงิน ขอสินเชื่อไฟแนนซ์ ขอเงินกู้ มีโอกาสได้รับการอนุมัติอย่างแน่นอน เป็นราศีที่จังหวะดวงดาวการเงินมีความคึกคักมากเป็นพิเศษ หรือแม้แต่เรื่องอื่นๆ เช่น เรื่องงานเป็นราศีที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีโอกาส เรียกได้ว่ายกภูเขาออกจากอก อะไรที่เป็นเรื่องเครียด ปัญหาหนักใจ อะไรที่ดูเหมือนกำลังมืดแปดด้าน เจอทางตันอยู่ เดือนนี้ทุกอย่างจะค่อยๆ คลี่คลาย ซึ่งจะทำชีวิตให้ไปสู่ความสำเร็จที่ดีขึ้น

ราศีมังกร (ผู้เกิดระว่าง 15 ม.ค.- 12 ก.พ.)

          เป็นราศีที่ดวงการเงิน มีความมั่นคงและลงตัวอย่างมาก โดยเฉพาะคนที่ต้องเจรจาติดต่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานขาย อาชีพที่เป็นนายหน้า ตัวแทน อาจจะได้ส่วนแบ่ง ได้คอมมิชชั่น ลูกค้าเข้ามาติดต่อซื้อขายกันมีความคึกคักเป็นพิเศษ หรือแม้กระทั่งในเรื่องของการลงทุน เรียกว่าจะผลิดอกออกผล สามารถที่จะเก็บหอมรอมริบได้เป็นอย่างดี เป็นเดือนที่คุณจะต้องวางแผนการเงินให้ดี อาจทำให้เหลือกินเหลือใช้ เหลือเก็บเป็นอย่างมาก

          หรือแม้กระทั่งในเรื่องของความรัก ก็เป็นราศีที่จะมีตัวช่วย สำหรับใครที่ยังโสดอยู่ พ่อสื่อ แม่สื่อ กองเชียร์ มิตรสหาย เพื่อนฝูง อาจจะช่วยแนะนำคนใหม่ๆ ให้คุณมีโอกาสได้เริ่มต้นความรักครั้งใหม่ที่ดีขึ้น ส่วนคนที่มีคู่ หรือมีแฟนแล้ว ดวงดาวก็ส่งผลดี ใครที่เคยมีประเด็น มีปัญหากันมาก่อนหน้านี้ อาจจะกลับมาคืนดีกัน หรือมีเวลาให้กับเรื่องความรัก มีความเข้าใจที่มีต่อกันมากๆ

ราศีพฤษภ  (ผู้เกิดระว่าง 15 พ.ค.-14 มิ.ย.)

          เป็นราศีที่จังหวะดวงดาวความรักค่อนข้างคึกคัก โดยเฉพาะใครความรักที่เจอผ่านช่องทางออนไลน์ อาจจะติดต่อกันในแชท หรืออะไรก็ตาม มีโอกาสที่จะได้เจอคนที่ใช่ หรือมีความรักครั้งใหม่ มีเข้ามาให้ลุ้นในช่วงนี้ด้วย อีกทั้ง ยังเป็นราศีที่ดวงดีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นหลายอย่าง หรือใครที่ของเดิมมีอยู่แล้ว ก็จะมีความรักที่ลงตัว ที่มั่นคงกว่าเดิม จากเดิมอาจจะเคยมีปัญหา มีความขัดแย้งอะไรกัน ช่วงนี้จะเหมือนมีความรักที่มีความสัมพันธ์ที่ดีมากขึ้น แต่สำหรับสเปคในช่วงนี้ สำหรับคนโสด หากมีคนเข้ามาอาจจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของเชื้อชาติ อายุ หรือสังคมที่ไม่ค่อยเหมือนกัน จึงเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้ และปรับตัวกันไป

ราศีเมถุน (ผู้เกิดระว่าง 15 มิ.ย.-16 ก.ค.)

          เป็นราศีที่ดวงการงานปังมาก มีความก้าวหน้าจนหลายคนอิจฉา เพราะว่าดวงดาวเรื่องงานนั้น มีข่าวดีทั้งเรื่องของตำแหน่ง การโปรโมท โชคจากทางไกล หรือการได้รับความเมตตาจากผู้หลักผู้ใหญ่ ดวงเรื่องการเจรจาติดต่ออยู่ในเกณฑ์ที่โดดเด่น ตั้งแต่ช่วงต้นปีอาจเจออุปสรรคปัญหาในเรื่องงาน แต่พอเข้าสู่เดือนมีนาคมไปแล้ว จังหวะดวงดาวการงาน จะมีทั้งข่าวดี ความสำเร็จที่ดีรออยู่อย่างแน่นอน แต่ฝากเตือนเรื่องความรัก เพราะดวงของคุณเหมือน Lucky in game แต่ว่าความรักบางที ไม่ค่อยมีเวลาให้เท่าไหร่ ดังนั้น ต้องระมัดระวัง เรื่องคำพูด การสื่อสาร อาจทำให้มีปัญหา มีปากเสียงกับคนรัก คนในครอบครัวได้ง่าย

ราศีมีน (ผู้เกิดระว่าง 15 มี.ค.-13 เม.ย.)

          แบ่งเป็น 2 ช่วงจังหวะเวลา ช่วงต้นเดือนกับช่วงกลางเดือนไปแล้ว ซึ่งถ้าจะให้ดี ให้เฮงจริง ช่วงหลังจากกลางเดือนมีนาคมไปแล้ว ดวงการงาน จะมีความเฮง ความปัง เกิดขึ้นมาก ความสำเร็จจะมีเข้ามามากยิ่งขึ้น เปรียบเสมือนเป็นยาชูกำลัง ทำให้หายเหนื่อย ใครที่ตั้งใจอะไรไว้ หลังจากกลางเดือนไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นงานขาย การเจรจาติดต่อ การเซ็นสัญญาร่วมหุ้นลงทุน จะส่งผลดี ปิดการขายได้ ได้ข้อสรุป ได้ดีล ได้ข้อตกลงที่ดี และยังส่งผลในเรื่องชื่อเสียงและความก้าวหน้าที่ดี

เก็บเงินฉบับมนุษย์เงินเดือน เก็บอย่างไรให้รวย

เก็บเงินฉบับมนุษย์เงินเดือน

          เก็บเงินฉบับมนุษย์เงินเดือน เก็บอย่างไรให้รวย หลายคนอาจจะคิดว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้น เงินเดือนน้อย ไม่สามารถรวยได้ ซึ่งเรื่องรวยเป็นเรื่องของความคิด ขึ้นอยู่กับว่าเราตั้งเป้าหมายทางการเงินเอาไว้แบบไหน สำหรับบางคน แค่การมีเงินแสนก็รวยแล้ว แต่สำหรับบางคนต้องมีแงินเป็นล้านถึงจะเรียกว่ารวย แต่ไม่ว่าจะตั้งเป้าหมายทางการเงินไว้อย่างไรก็ตาม ประเด็นมันอยู่ที่ว่า เราจะทำยังไง จึงจะไปถึงเป้าหมายนั้นได้ วันนี้เราจึงรวบรวมวิธีที่จะทำให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเราบรรลุเป้าหมายที่วางไว้กัน

รวมวิธี เก็บอย่างไรให้รวย

วิธีที่ 1 กำหนดค่าใช้จ่ายจำเป็นเพื่อลดหนี้

          สำหรับมนุษย์เงินเดือนหลายคนที่อาจจะเริ่มต้นเงินเดือนขั้นต่ำนั้น อาจจะรู้สึกว่าการเก็บเงินนั้นยากเย็นเหลือเกิน ขั้นแรกคุณควรจะดูก่อนว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ต้องจ่ายอยู่แล้วในแต่ละเดือน ค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ผ่อนสินเชื่อ ผ่อนบัตรเครดิต แล้วก็พวกค่าอาหาร
ค่าเดินทาง เพื่อที่จะได้กันเงินในส่วนนี้ออกมาก่อน เพราะเงินส่วนนี้ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องจ่ายอย่างสม่ำเสมอ วิธีการนี้อาจจะไม่ได้เงินเพิ่ม แต่ก็เพื่อให้ลดการเกิดหนี้ ให้มากที่สุด

วิธีที่ 2 แบ่งเงินให้เป็นสัดส่วน

          เมื่อได้เงินเดือนมาแล้ว ก็ให้ระบบตัดเงินในบัญชีอัตโนมัติไปสู่บัญชีต่างๆ ตามสัดส่วนที่เหมาะสมกับความจำเป็นด้วย แต่ในเงินจำนวนนี้จะต้องมีเงินออมอยู่ 30% แล้วอาจจะแบ่งเป็นบัญชีรายจ่ายประจำ 40% และค่าใช่จ่ายประจำวันอีก 30% วิธีนี้จะทำให้เราไม่ต้องมานั่งคิดว่าเดือนจะใช้เงินได้เท่าไหร่ เพราะถูกแบ่งไว้เป็นสัดส่วนตั้งแต่แรก

วิธีที่ 3 ลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นออก

          หากเงินเดือนไม่พอใช้ สิ่งที่ควรทำสิ่งต่อไปก็คือ ลดค่าใช้จ่ายที่ลดได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นห่ออาหารจากบ้านไปกิน หรือลองสำรวจร้านอาหารที่ถูกที่สุดแถวที่ทำงาน ซึ่งคิดว่าทุกคนก็น่าจะทำอยู่แล้ว ดังนั้นลองลดค่าใช้จ่ายอย่างอื่น เช่น หากคุณเป็นคนที่ติดกาแฟ ก็ลองหาวิธีที่จะทำให้คุณประหยัดค่ากาแฟลงได้ เช่น ชงกาแฟเองที่ทำงานหรือถ้าคุณชอบกาแฟรสออกขมๆ หน่อย ก็อาจจะลองศึกษาพวกกาแฟดริปหรือกาแฟชนิดอื่นๆ ดู อาจจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟไปเลยก็ได้

วิธีที่ 4 ทำประกันแบบออมทรัพย์

          เวลามีสายโทรศัพท์โทรมาเพื่อขายประกัน หลายคนมักจะรู้สึกเอือมๆ แต่รู้หรือไม่ว่าการทำประกันชีวิตเป็นการออมเงินรูปแบบหนึ่งอีกด้วย โดยเฉพาะประกันที่เน้นออมทรัพย์ นอกจากจะได้ความคุ้มครองชีวิตแล้ว ยังเป็นการเก็บเงินไปใสตัวอีกด้วย ยิ่งมนุษย์เงินเดือนนั้นเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ ได้ง่าย การทำประกันจึงยิ่งสำคัญ ซึ่งถ้าคุณไม่ชอบการซื้อผ่านตัวแทนขายประกัน ก็สามารถซื้อผ่านธนาคารพาณิชย์ก็ได้นะ

          สำหรับคนที่มองว่าเพิ่งเริ่มทำงานแล้วยังไม่มีเงินออม ก็น่าจะลองศึกษาเรื่องการทำประกันไปเลยก็ได้เพราะได้หลายผลตอบแทนหลายเด้งเลย ได้ความคุ้มครอง ได้ออมเงิน และได้ลดหย่อนภาษีอีกด้วย เพราะถ้าทำประกันแบบออมทรัพย์ครบ 10 ปีขึ้นไป ก็จะสามารถนำค่าเบี้ยประกันไปใช้เป็นสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุดถึง 100,000 บาทต่อปี

วิธีที่ 5 ให้เงินทำงาน ศึกษาการลงทุน

          นอกเหนือไปจากการออมทรัพย์ซึ่งเป็นเป็นการที่เราเอาเงินไปฝากแล้ว แล้วอีกวิธีหนึ่งก็คือเราต้องให้เงินทำงานให้เราด้วยนั่นก็คือการลงทุนนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรรัฐบาล กองทุนรวมหรือแม้แต่หุ้นที่มนุษย์เงินเดือนทุกคนควรจะศึกษาเอาไว้

วิธีที่ 6 หารายได้เสริม

          ถ้าลดค่าใช้จ่ายแล้ว วางแผนออมเงินแล้ว แต่รู้สึกว่าเงินเดือนยังไม่พอใช้ ก็ต้องหาเงินให้มากขึ้นเท่านั้น เช่นการสอนพิเศษ หาของขายออนไลน์หรือแม้แต่ตามตลาดนัด รับงานพาร์ทไทม์ รับงานอีเว้นท์ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ควรทำเท่าที่ไหง ไม่กดดันจนเกินไป หากหักโหมงานจนลืมดูแลตัวเอง ก็จะกลายเป็นว่า เอาเงินมาเป็นค่ารักษาพยาบาลแทน

          ข้อดีของการเป็นมนุษย์เงินเดือน คือการได้เงินเดือนประจำสม่ำเสมอ ดังนั้นการจะจัดสรรเงินจึงเป็นที่เรื่องง่าย ที่ยากกว่าคือเรื่องวินัยในการบริหารจัดงานให้ลงตัวมากกว่า ดังนั้นหากอยากให้ความฝันกลายเป็นจริงจะต้องเริ่มต้นที่การมีวินัย ความขยันและเลือกสักวิธีที่เหมาะกับตัวเอง

Comfort Zone ก้าวออก มาดีกว่าที่คิด

Comfort Zone

          Comfort Zone หรือที่เราเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พื้นที่ปลอดภัย ในแง่ของการทำงาน ก็คือการทำงานในตำแหน่งที่เราคุ้นเคย ทำงานด้วยวิธีการทำงานที่เราชำนาญที่สามารถเชื่อถือได้ว่า จะให้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างที่เคยเป็นมา หรือพูดง่าย ๆ ก็คือกรอบการทำงานแบบเดิม ๆ ที่เราคุ้นชิน เชี่ยวชาญ และทำได้ดี หลายคนอาจจะคิดว่า ถ้างานที่ทำดีอยู่แล้ว จะต้องพยายามก้าว ออกจาก คอมฟอร์ทโซนเพื่ออะไร เพราะนั่นหมายถึงความเสี่ยงที่จะได้รับผลลัพธ์ของการทำงานที่อาจจะไม่ดีเหมือนเดิม แต่ถ้ามองอีกแง่ ก็อาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมแบบก้าวกระโดดเลยก็ได้    

วิธี ก้าวออก จากคอมฟอร์ตโซน

1 ซื่อสัตย์กับความต้องการของตัวเอง

          คุณต้องลองถามตัวเองให้แน่ชัด ว่าจริงๆ แล้วคุณไม่มีเวลาจริงๆ หรือเป็นข้ออ้างเพราะคุณกลัวที่จะก้าวออกมา เป็นข้ออ้างให้ตัวเองเพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำนู่นทำนี่

          เทคนิคคือ คุณต้องถามตัวเองว่า ถ้ามีใครสักคนให้ข้ออ้างเดียวกับคุณนี้ คุณจะมองว่ามันคือข้ออ้างหรือข้อเท็จจริง จากนั้นคุณก็ค่อยๆ ตัดสินใจ และถามตัวเองอีกครั้งว่า คุณกล้าพอที่จะออกจากคอมฟอร์ทโซนและกล้าที่จะพัฒนาตัวเองหรือไม่

2 ทำสิ่งเดิมด้วยวิธีการใหม่ ๆ

          กระตุ้นความคิดของคุณด้วยการคิดหาวิธีการทำสิ่งเดิม ๆ ด้วยวิธีการใหม่ ๆ เช่น คุณแปรงฟันด้วยมือข้างที่ถนัดมาตลอดทั้งชีวิต ลองเปลี่ยนมาแปรงฟันด้วยมือข้างที่ไม่ถนัดดูบ้าง หรือลองเปลี่ยนขั้นตอนการอาบน้ำ ที่เดิมคุณอาจจะแปรงฟันก่อน แล้วค่อยสระผม แล้วอาบน้ำ คุณอาจจะลองสลับขั้นตอนก่อนหลังดูใหม่ หรือจากเดิมที่ทำงานชิ้นหนึ่งด้วยตัวเองมาตลอด ลองเปลี่ยนเป็นอธิบายให้คนอื่นฟังและขอให้เขาคนนั้นทำแทนคุณ

          นวัตกรรมเกิดจากการคิดในมุมมองใหม่ ทดลองสิ่งใหม่ ๆ วิธีการนี้นอกจากจะทำให้คุณสนุกไปกับการออกแบบวิธีใหม่ ๆ ให้กับกิจวัตรเดิม ๆ แล้ว ยังทำให้คุณคุ้นเคยกับการทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคย เริ่มเบื่อกับความจำเจ เริ่มท้าทายตัวเองด้วยสิ่งใหม่ และอาจทำให้คุณค้นพบนวัตกรรมบางอย่าง หรือค้นพบวิธีทำสิ่งเดิมให้ง่ายและเร็วขึ้นก็ได้

3 เปิดรับโอกาสในการทำสิ่งที่ยากขึ้น

          งานยากจะบีบให้คุณพัฒนา ความไม่มั่นคงจะกดดันให้คุณต้องทำตัวเองให้เก่งพอและแกร่งพอ เพื่อพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอน ไม่เฉพาะแต่ฝีมือในการทำสิ่งต่าง ๆ แต่ยังรวมถึงความสามารถด้านจิตใจที่จะรับมือกับความเครียด ความวิตกกังวล ความล้มเหลว ความเสียใจ และความไม่สบาย

          อย่าลืมว่าในการใช้ชีวิตทุกวันนี้ทุกคนต่างต้องเผชิญกับปัญหา อุปสรรค ความผิดพลาด ความล้มเหลว และการถูกปฏิเสธทั้งนั้น แต่ความรู้สึก มุมมอง และการรับมือของแต่ละคนนั้นจะแตกต่างกันออกไป และคุณสามารถปรับวิธีคิดและมุมมองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในเชิงที่จะสร้างบทเรียนและประโยชน์ให้กับตัวคุณ มองว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ มากกว่าจะตราหน้าตัวเองซ้ำ ๆ ว่าฉันเป็นคนไม่ได้เรื่อง ฉันทำไม่ได้

          เมื่อคุณเริ่มกล้ารับโอกาสที่ท้าทายขึ้น แล้วคุณทำได้ดี หรือทำสำเร็จ จุดนี้จะทำให้คุณเริ่มสนุก เริ่มสร้างความมั่นใจในตัวเองไปอีกขึ้น และเมื่อทำสิ่งนั้นได้คล่องแล้ว คุณจะเริ่มแสวงหาความท้าทายขึ้นไปอีกขั้น เป็นการทลายกรอบความเชื่อที่ว่า คุณทำไม่ได้ คุณรับมือกับความเครียดไม่ได้ ออกไปทีละเล็กละน้อย

4 ตั้งใจ ตั้งมั่น เอาจริง

          แรกๆ คุณอาจรู้สึกอึดอัด และลำบากที่จะบังคับตัวเอง แต่เราแนะนำว่าให้คุณทำมันต่อไปเรื่อยๆ  ทีละเล็ก ทีละน้อย จากนั้น ก็กระโดดขึ้นไปโบยบินกับโลกภายนอกได้เลย เช่น ก่อนหน้านี้คุณอาจไม่ชอบการพูดต่อหน้าสาธารณชน แต่คุณสามารถทำให้มันดีขึ้นได้ ด้วยการฝึกทีละเล็ก ทีละน้อย เช่น คุณอาจเข้าคลาสการพูดต่อหน้าสาธารณชน โดยเริ่มต้นจาก การถือโพย แล้วหัดอ่าน หัดพูด จากนั้นก็ค่อยๆ พัฒนาไปสู่การพูดแบบไม่ใช้บท ทีละเล็ก ทีละน้อยแบบนี้ ไปเรื่อยๆ จนสักพัก คุณก็สามารถทุ่มตัวและหัวใจไปกับการทำสิ่งต่างๆ ได้เลย ถ้าคุณล้มก็แค่ลุกขึ้นมาใหม่ และสู้ต่อ ทำต่อไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นความเคยชิน

สุนัขยอดนิยม 3 อันดับ ที่เหล่าทาสชอบเลี้ยงมากที่สุด

สุนัขยอดนิยม

  วันนี้เรา OliFune มาพร้อมกับ สุนัขยอดนิยม เรารวมเอาเหล่าสุนัขที่ได้รับความนิยมสูงสุด จากเหล่าบบรดาทาตหมาทั้งหลาย สุนัขนั้นถือเป็นเพื่อนคู่ใจหรือบัดดี้ต่างสายพันธุ์กับมนุษย์มาหลายยุค เพราะด้วยความน่ารัก ความฉลาด และความขี้อ้อนในการเอาใจ อีกทั้งความซื่อสัตย์ของน้องหมาที่ยอมแลกชีวิตเพื่อปกป้องเจ้าของ ซึ่งไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายบ้านถึงเลี้ยงสุนัขไว้เป็นเพื่อน  ทั้งนี้ก็มีอยู่หลายคนเหมือนกันที่อยากเลี้ยง แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเลี้ยงสายพันธุ์อะไรที่จะเหมาะกับตัวเอง ดังนั้น วันนี้เราจึงรวบรวม 3 ลำดับของสุนัขที่คนนิยมเลี้ยง มาฝากกัน

3 อันดับ ที่เหล่าทาสชอบเลี้ยงมากที่สุด

1 ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)

          สุนัขลากเลื่อนที่มีท่วงท่าสง่างาม มีถิ่นกำเนิดจากเอเชียตอนเหนือ มีความอดทนแข็งแรงดีเลิศ อดีตเป็นสุนัขใช้งานลากเลื่อนในเมืองหนาว นับเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเก่ง ใจดี ไม่ก้าวร้าว ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขที่มีขนสองชั้น สีพื้นเป็นสีน้ำตาล ดำ เทา แต่ใบหน้าต้องมีสีขาวเท่านั้น ขอบตาเป็นสีดำ ขนสั้นตรงฟู แน่น หัวมีขนาดปานกลาง ดูสมส่วนกับขนาดลำตัว ใบหูตั้งตรง รูปตาเรียว หางฟูพอง มักจะโค้งเป็นพวงขึ้น บนหลังคล้ายกับสุนัขจิ้งจอก ต้องการออกกำลังกายเป็นหลัก จุดเด่นของสุนัขพันธุ์นี้คือ มีความอดทนสูงมาก ทำงานได้ดังหุ่นยนต์ รักเจ้านาย ครอบครัว หรือแม้แต่สุนัขด้วยกันเอง สามารถปรับตัวให้เข้าได้กับสภาพอากาศ วิ่งเร็วมาก สามารถเป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดี แต่มักทำตัวเป็นจ่าฝูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เลี้ยงที่มีความกระฉับกระเฉง ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่นทั่วไป ประมาณ 8,000-15,000 บาท ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป

2 โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)

          มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มามากกว่า 200 ปี ในอเมริกา เป็นสุนัขขนาดกลาง ตัวผู้สูงราว 23-24 นิ้ว หนักประมาณ 64-70 ปอนด์ ตัวเมีย สูง 21-23 นิ้ว น้ำหนัก 60-70 ปอนด์ มีสีหลายระดับสี มักจะเป็นสีออกครีมถึงสีเหลืองทอง จนถึงกึ่งเข้มแดงมะฮอกกานี เป็นสุนัขที่มีลักษณะหัวกว้าง และมีช่วงปากที่แข็งแรง ตาสีน้ำตาล หูค่อนข้างใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยม ปรกลงมาด้านข้าง มีขน 2 แบบ คือเรียบกับเป็นลอน ขาหน้าตรงแข็งแรง เท้ากลมคล้ายเท้าแมว ลักษณะหางชี้ตรงระดับเดียวกับหลัง ขนบริเวณหางจะยาวและหนา นอกจาก ความสวยของขนที่มันวาว สวยงาม ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับความนิยมมาก โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ยังได้รับสมญานามว่า “หมาใจดี” บ่อยครั้งที่ภาพความผูกพันระหว่างเจ้าตูบโกลเด้น กับเด็กๆ มักมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง นั่นเพราะมีลักษณะนิสัยเป็นมิตร และสุภาพเป็นเลิศ ใจดี ซื่อสัตย์ มีความสามารถพิเศษในการจดจำ ง่ายต่อการฝึกฝน กระฉับกระเฉง และคาบสิ่งของได้ดี ในอดีตจึงมักใช้งานเพื่อหานกที่ถูกยิงตกนำมาให้เจ้าของ ราคาระดับประกวด ประมาณ 15,000 บาท ขึ้นไป สุนัขเลี้ยงเล่น 6,000 – 15,000 บาท ระดับทั่วไป หรือสุนัขบ้าน เริ่มต้นที่ 3,000 บาท

3 ปอมเมอเรเนี่ยน (Pomeranian)

          มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี เป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง ขึ้นจากอันดับ 3 ในปีก่อน ด้วยความเล็กกะทัดรัด ขนฟูดูสวยงาม ใบหน้าแหลมเล็ก หลายคนหลงใหลในความน่ารักของสุนัขพันธุ์นี้ ลักษณะโดยทั่วไป มีความสูงโดยเฉลี่ยไม่เกินฟุต หรือประมาณ 20 เซนติเมตร หัวกลม ใบหน้ามีส่วนคล้ายสุนัขจิ้งจอก ปากเรียวแหลม ส่วนหัวและใบหน้ามีขนสั้น ตากลมโตและโปนเล็กน้อย หูเล็กเป็นรูปสามเหลี่ยมตั้งตรงและชิดกัน จมูกดำกลม ขนยาวฟูฟ่องทั่วลำตัว ขนสีดำ โกโก้ แดง ส้ม ขาว เหลือง บางตัวมีหลายสีปนกัน ขนทั้งตัวจะปกคลุมด้วยขนยาว ดก ฝ่าเท้านิ่ม ขนหางเป็นพวงโค้งเป็นวงกลมออกด้านข้าง นอกจากความเล็กน่ารักแล้ว ความฉลาด ซื่อตรงและร่าเริง ปฏิภาณไหวพริบดี และขี้ประจบของปอมเมอเรเนี่ยน ยังเป็นจุดเด่นที่ทำให้เจ้าของต่างหลงใหล แต่ขณะเดียวกันความเล็กของสุนัขพันธุ์นี้จึงมักมีผลต่อการขยายพันธุ์ที่ค่อนข้างลำบาก ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่น 8,000-20,000 บาท ระดับประกวด 20,000 บาท ขึ้นไป

รีวิวเกม Win Win Won SLOT

          สุนัขยอดนิยมตัวสุดท้าย ส่งตรง ค่ายสล็อตออนไลน์ อย่าง Win Win Won เป็นเกมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสุนัขนำโชคหนึ่งในเรื่องราวของนักษัตรจีนเป็นเรื่องราวที่เล่าขานกันมานับพันปี เป็นตัวแทนของสัตว์ 12 ตัว แต่ละตัวมีเรื่องราวที่น่าสนใจในตัวเอง สัตว์นักษัตรเหล่านี้แต่ละตัวมีหน้าที่ดูแลวังแห่งโชคลาภที่แตกต่างกัน ใครก็ตามที่สามารถหาพวกมันพบจะได้รับพรด้วยความสุขและความเจริญรุ่งเรือง “วอน-วอน” หนึ่งในตัวแทนของสัตว์ของจักรราศี มีบุคลิกที่สนุกสนานและมีชีวิตชีวาที่ทำให้น่ารัก วอน-วอน เฝ้าวังที่เต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่า เป็นสถานที่ที่ผู้คนใฝ่ฝันอยากไปเยือน ตามตำนานเล่าว่าเมื่อใดก็ตามที่ผู้มาเยือนมาถึง วอน-วอน จะเปิดประตูพระราชวังเพื่อต้อนรับพวกเขาเหล่านั้น ด้วยความอบอุ่น ให้พรและโชคลาภมากมาย คุณจะพลาดโอกาสที่หายากเช่นนี้ไปได้อย่างไร

          มารับพรและโชคลาภไปกับ วอน-วอน สุนัขนำโชคของนักษัตรจีน เกมเป็นวิดีโอสล็อตแบบ 3 รีล 1 แถว ในเกมนี้จะไม่มีสัญลักษณ์ Wild และ สัญลักษณ์ Scatter แต่จะมีสัญลักษณ์พิเศษที่จะคอยช่วยให้เกิดโบนัส อัตราการคูณ ที่ x1 , x2 และ x3 ค่าตอบแทนจะสูงถึง 94.14% อัตราการคูณสูงสุดถึง x2600 เท่า

ต้นไม้ทายใจ ส่องตัวตนลึก ๆ ของคุณที่ซ่อนอยู่

ต้นไม้ทายใจ

        ต้นไม้ทายใจ วันนี้เรา Olifun มีเกมจิตวิทยา ทายนิสัยมาฝาก ซึ่งเป็นเกมทายใจ/นิสัยจากรูปต้นไม้ มาดูกันว่า ต้นไม้แต่ละแบบที่เลือกนั้น บ่งบอกอะไรในตัวเราบ้าง โดยจะมีภาพต้นไม้ทั้งหมด 8 ภาพ หากคุณชอบต้นไม้ต้นไหนมากที่สุด ให้เก็บไว้ในใจ ถ้าเลือกไม่ได้ ให้ลองหลับตาแล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เลือกภาพแรกที่ลืมตามาแล้วมองเห็น ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูความหมายของต้นไม้ทายใจที่เราเลือกกันเลย

ส่องตัวตนลึก ๆ ของคุณที่ซ่อนอยู่

ภาพต้นไม้หมายเลข 1

ลักษณะภาพ : ภาพต้นไม้พุ่มสีน้ำเงิน พร้อมลายเส้นคลื่น ๆ และวงกลม

ความหมาย : คนใจกว้าง

          คุณเป็นคนที่พยายามจะใช้ชีวิตอย่างไม่จริงจังจนเกินไป เป็นคนรับผิดชอบต่อความสุขของตัวเอง หากรู้สึกว่าไม่มีความสุข ก็จะเปลี่ยนสถานการณ์ในชีวิตของตัวเองด้วยการมองโลกแบบการใส่ฟิลเตอร์อื่น ๆ เข้าไป คนที่เลือกรูปต้นไม้รูปนี้ ไม่มีปัญหาในการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว หากไม่แน่ใจอะไรก็พูด หรือถามออกไปตรง ๆ เป็นคนยืดหยุ่นและมีจินตนาการ พยายามเปลี่ยนความพ่ายแพ้ให้เป็นโอกาส ฉันเป็นหมาป่าเดียวดาย และฉันจะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อโลกใบนี้หรอก รู้ไว้ซะด้วย

ภาพต้นไม้หมายเลข 2

ลักษณะภาพ : ภาพต้นไม้พุ่มสีชมพู พร้อมลายเส้นรูปหัวใจ

ความหมาย : คนอ่อนหวาน

          คนที่เลือกภาพต้นไม้หมายเลข 2 เป็นคนไม่มีจุดอ่อน ไม่สนคำดูถูกหรือคำวิจารณ์ใด ๆ มีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ และผู้คนรอบข้าง ทุก ๆ คนก็ต่างหลงใหลในตัวของคนที่เลือกต้นไม้รูปนี้ เพราะคนที่เลือกต้นไม้รูปนี้ เป็นคนที่มีเสน่ห์เอามาก ๆ เป็นคนอบอุ่นและเป็นมิตร มีจิตใจโอบอ้อมอารีและมีเมตตา เป็นคนสนุกสนานเฮฮา ทำให้เป็นที่รักของคนรอบข้าง คนอื่น ๆ มักจะมองว่าคุณเป็นคนตลก แต่ก็มีโหมดจริงจังเหมือนกันนะ! เรียกได้ว่า อ่อนหวาน แต่ไม่ได้อ่อนแอ เป็นคนตลก แต่ไม่ได้เป็นตัวตลก  

ภาพต้นไม้หมายเลข 3

ลักษณะภาพ : ภาพต้นไม้สีเขียว พร้อมเส้นตรงที่ขัดกันไปมา

ความหมาย : คนไม่ประมาท

          คนที่เลือกภาพต้นไม้หมายเลข 3 มักจะทำอะไรอย่างช้า ๆ และรอบคอบ ไม่ชอบอะไรที่เร่งรีบจนเกินไป จดจ่อและโฟกัสกับเป้าหมายของชีวิต พยายามที่จะขจัดสิ่งรบกวนต่าง ๆ รอบตัว ถ้าจะให้เปรียบคนที่เลือกต้นไม้รูปนี้ ก็คงจะเหมือนรถไฟที่แล่นเรื่อย ๆ ไปตามราง ช้า แต่ก็ถึงจุดหมายแน่นอน คนที่เลือกต้นไม้รูปนี้ เกิดมาเพื่อเป็นผู้นำโดยแท้ เพราะเก่งในการมอบหมายงานให้คนอื่น และเก่งในการตัดสินใจเรื่องยาก ๆ มองคนออก และใช้คนเป็น เป็นคนที่รักครอบครัวมาก แฟมิลี่แมนที่สุด เรียกได้ว่าสำหรับคุณ ครอบครัวต้องมาก่อนเสมอ! 

ภาพต้นไม้หมายเลข 4

ลักษณะภาพ : ภาพต้นไม้ที่มีพุ่มสีม่วง พร้อมลายเส้นที่ไขว้ขัดกันไปมา

ความหมาย : คนสมถะ

          คนที่เลือกภาพต้นไม้หมายเลข 4 เป็นคนที่มีความสุขกับการใช้ชีวิต ใช้เวลาเพื่อเก็บประสบการณ์และลิ้มรสชาติของการใช้ชีวิต ชอบที่จะเป็นผู้ให้ ชอบช่วยเหลือคนอื่น ใจกว้างยิ่งกว่าทะเล เรียนรู้จากการเป็นผู้ให้ เรียกได้ว่าเป็นนักอาสาตัวแม่ มีค่ายอาสา หรือว่าโครงการอาสาอะไรก็ไปหมด ไม่ชอบที่จะเป็นผู้นำหรือผู้ตาม ใคร ๆ ก็สามารถเป็นเพื่อนร่วมทางกันได้ เป็นคนสันโดษ ถึงไม่มีเพื่อน ก็ไม่แคร์ สามารถทำอะไรด้วยตัวคนเดียวได้ เรียกได้ว่า อยู่กับเพื่อนก็ได้ อยู่คนเดียวก็แฮปปี้ 

ภาพต้นไม้หมายเลข 5

ลักษณะภาพ : ภาพต้นไม้ที่มีใบสีเขียว และมีลายเส้นตรงพุ่มเป็นลายก้นหอย 

ความหมาย : คนมีเหตุผล

          คุณเป็นคนที่มั่นคงและหนักแน่น ชอบความสงบสุขในชีวิต เพราะความสงบสุขคือเซฟโซน และจะพยายามรักษาสภาพเซฟโซนนั้นไว้ให้ได้มากที่สุด อยากให้ทุกวันเป็นวันที่มีความหมาย คนที่ชอบรูปต้นไม้รูปนี้ จะไม่เสียเวลาและพลังงานไปกับอะไรที่ไม่ใช่โดยไม่จำเป็น เป็นคนที่มีวินัยในตัวเองมากกก รู้ขีดจำกัดของตัวเองดี และจะไม่หักโหมตัวเองจนเกินไป เชื่อในความจริง เพราะความจริงคือสิ่งที่แน่นอนที่สุด! แถมไม่ชอบการโกหกเอามาก ๆ ด้วย  

ภาพต้นไม้หมายเลข 6

ลักษณะภาพ : ภาพต้นไม้สีชมพู พร้อมลายเส้นรูปก้นหอย กระจายอยู่ทั่ว

ความหมาย : นักปรัชญา

          คนที่เลือกภาพต้นไม้หมายเลข 6 ยอมรับคนอื่นในตัวตนแบบที่เขาเป็น เป็นคนไม่ตัดสินคนอื่น และก็หวังว่าคนอื่นจะไม่ตัดสินตัวเองเหมือนกัน เพราะในโลกนี้ไม่มีใครเพอร์เฟกต์ 100% คุณมักจะวางแผนให้เสร็จสมบูรณ์ ก่อนจะเริ่มต้นทำอะไรเสมอ ๆ บางครั้งเป็นเดือน หรืออาจจะนานเป็นปี เรียกได้ว่ารอบคอบ และเป็นขั้นเป็นตอนมาก ๆ ชอบความสมบูรณ์แบบ ไม่ค่อยชอบอะไรที่สะเปะสะปะ ไม่มีจุดหมาย หรือไม่ชอบการผิดแผนเท่าไร เป็นคนฉลาด และมีความแข็งแกร่งทางจิตใจมาก สามารถเอาชนะอุปสรรคได้เกือบทุกอย่าง เมื่อไหร่ที่รู้สึกแย่ จะพยายามปรับมุมมองให้กลายเป็นแง่บวก ทุกอย่างจะดีหรือร้าย อยู่ที่มุมมองของตัวเอง ชอบมองมุมกลับ ปรับมุมมอง เชื่อว่าทุกอย่างเริ่มต้นที่ตัวเอง

ภาพต้นไม้หมายเลข 7

ลักษณะภาพ : ภาพต้นไม้สีเขียว ยอดแหลม พร้อมลายเส้นแนวตั้ง

ความหมาย : เป็นคนง่าย ๆ

          คนที่เลือกภาพต้นไม้หมายเลข 7 เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสงบและสบายใจ พร้อมที่จะเป็นเซฟโซนให้ทุกคนเสมอ ผู้คนรอบข้างมักจะเข้ามาหาเมื่อพวกเขามีปัญหา ซึ่งคุณก็ยินดีอย่างมาก เพราะเชื่อว่าการทำดีต่อคนอื่น จะได้อะไรดี ๆ จากคนอื่นกลับมาเสมอ หรืออาจจะได้เรียนรู้มุมมองใหม่ ๆ จากคนอื่น ผู้คนมักจะมองว่าเพื่อน ๆ คือที่ปรึกษาและผู้ฟังที่ดี แบบพี่อ้อยพี่ฉอด มักจะไม่ด่วนตัดสินใคร เพราะเชื่อว่าผู้คนมักต้องการที่พึ่ง หรือเซฟโซนจากใครบางคนเสมอ และก็ยินดีที่จะเป็นคนคนนั้น  เรียกได้ว่าไม่มีใครเข้าใจเราเท่าคุณอีกแล้ว

ภาพต้นไม้หมายเลข 8

ลักษณะภาพ : ภาพต้นไม้พุ่มสีน้ำตาล พร้อมลายเส้นโค้ง กระจายอยู่ทั่ว

ความหมาย : คนติดดิน

          คนที่เลือกภาพต้นไม้หมายเลข 8 เป็นคนจริงใจและเป็นคนดีโดยแท้ เป็นคนมีจิตใจที่มีเมตตา สามารถสร้างมิตรภาพกับคนรอบข้างได้อย่างแนบแน่น และมักจะดึงดูดผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือให้เข้ามาหาอยู่เสมอ ๆ ชอบที่จะเป็นส่วนหนึ่งในทีมและสนุกกับการทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด เชื่อในพลังของมิตรภาพ จึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้

Minimal Style เทคนิคแต่งบ้าน สไตล์มินิมอล

Minimal Style

          Minimal Style แต่งบ้าน Lifestyle สไตล์มินิมอล ที่กําลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ คือสไตล์การตกแต่งที่เรียบง่าย ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น หากแต่มากด้วยประโยชน์ รวมไปถึงการเลือกใช้งานสิ่งต่างๆ ตามความจําเป็นเท่านั้น ซึ่งจะถูกจัดวางอย่างมีระเบียบเรียบร้อย เอกลักษณ์ในการตกแต่งสไตล์มินิมอลนั้นมักจะมีโทนสีแบบโมโนโทนหรือสีอ่อนๆ รวมถึงการออกแบบที่มีเส้นสายตาที่ตรงและชาร์ป มีความสมดุลและความผ่อน คลาย เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่คัดสรรมาตกแต่งในบ้านสไตล์นี้ มักจะตอบสนองการใช้งานได้อย่างครบถ้วน ท่ามกลางความไม่มากไม่น้อยจนเกินพอดี การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลยังนิยมที่จะจัดพื้นที่สเปสให้มีความว่างและดูกว้างเข้าไว้ โดยไม่นิยมการสะสมสิ่งของหรือข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่จําเป็น การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลจึงดูเรียบง่าย น้อยชิ้น แต่ทว่าครบถ้วนในเรื่องของประโยชน์การใช้สอย การตกแต่งบ้านสไตล์นี้จึงเหมาะมากๆ สําหรับหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่รักความสงบและชอบการตกแต่งบ้านที่เน้นความสะอาด ปลอดโปร่ง โล่งสบายเป็นอย่างยิ่ง เราไปดูกันดีกว่าว่าข้อดีของการมีบ้านสไตล์มินิมอลและวิธีการตกแต่งบ้านของคุณให้เป็นสไตล์นี้ จะมีอะไรและต้องทําอย่างไรบ้าง

ข้อดีของการ แต่งบ้าน สไตล์มินิมอล

1 ความเครียดน้อยลง

          ยิ่งมีของมาก ก็ยิ่งมีภาระวุ่นวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาต้องย้ายที่พัก ที่กว่าจะเก็บและย้ายข้าวของแต่ละทีต้องใช้เวลา แถมถ้าใครไม่มีรถส่วนตัว ก็อาจจะต้องคอยทะยอยย้ายของจากที่พักเก่า ไปยังที่ใหม่หลายรอบกว่าจะครบ ทั้งเหนื่อย ทั้งเครียด แต่ถ้าคุณมีของน้อยชิ้นที่เป็นของที่มีประโยชน์ต่อการใช้สอยจริงๆ นอกจากจะไม่ทำให้บ้านรกไปด้วยของใช้ที่ไม่จำเป็นแล้ว ยังทำให้บ้านของคุณดูเรียบง่าย เห็นแล้วรู้สึกสบายตา สบายใจได้อีกด้วยนะ

2 ทำให้บ้านดูน่าดึงดูดมากขึ้น

          ลองนึกถึงภาพถ่ายของบ้านที่เต็มไปด้วยของใช้มากมาย กับภาพของบ้านสไตล์มินิมอลที่ดูเผินๆ แล้วดูเรียบไม่มีอะไร แต่จริงๆ แล้วแฝงไว้ด้วยความสวยงามของเฟอร์นิเจอร์เรียบหรู งานศิลปะดีๆ สักชิ้น และของตกแต่งบ้านน้อยชิ้น แต่ว่าแต่ละอันช่างดูเก๋ไก๋เหลือเกิน ซึ่งบ้านสไตล์มินิมอลแบบนี้ต่างหาก ที่เห็นเมื่อไหร่แล้วต้องทำให้เราหยุดดู ดึงความสนใจได้ดีนักเชียว ซึ่งถ้าคุณอยากให้บ้านของคุณดูน่าดึงดูดมากขึ้น ก็สามารถลองแต่งบ้านให้เป็นสไตล์มินิมอลดูได้

3 ทำความสะอาดได้ง่ายกว่า

          แค่คิดว่าจะต้องทำความสะอาดบ้านที่เต็มไปด้วยของตกแต่ง ของใช้มากมาย ก็รู้สึกเหนื่อยแล้วใช่ไหมล่ะ เวลาจะปัดกวาด เช็ดถู หรือดูดฝุ่นที ก็เสียเวลาไปหลายชั่วโมงทีเดียว แถมยิ่งของเยอะเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งต้องหมั่นทำความสะอาดบ่อยขึ้นเท่านั้น ซึ่งสามารถนำไปสู่ข้อแรกคือ ทำให้เครียดและหงุดหงิด (เพราะใครจะอยากมานั่งทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ?) แต่ลองนึกภาพถ้าบ้านของคุณมีของน้อยชิ้นดูสิ ทำความสะอาดแป๊ปเดียวก็เสร็จ แถมยังมีเวลาไปทำอย่างอื่นมากขึ้นอีกต่างหาก

7 เทคนิคในการแต่งบ้านสไตล์มินิมอล

1 สองสีกำลังดี

          การตกแต่งแบบminimal เน้นใช้สีขาวเป็นสีหลัก แต่ก็ยังสามารถเติมสีอื่นลงไปได้เพื่อให้ดูพิเศษขึ้นถ้าชอบแนวเท่ๆ อาจจะเพิ่มผืนพรมสีเทาเข้าไปสักผืนร่วมกับเฟอร์นิเจอร์ผ้าบุหรือผ้าม่านสีเทา ถ้าชอบเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่น ก็แซมด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน หรือแม้กระทั่งถ้าเป็นมินิมอลสายสนุกสนาน ก็อาจเติมโคมไฟเมทัลลิกแขวนเพดานเข้าไปทำให้สร้างจุดดึงดูดสายตาให้กับห้องก็ได้

2 ใช้เท็กซ์เจอร์เข้าช่วย

          หลายครั้งความสนุกไม่ได้หยุดอยู่แค่เพียงสัมผัสทางสายตา แต่ส่งต่อไปถึงสัมผัสทางกาย ถึงแม้จะเป็นวัสดุสีเดียวกันแบบเดียวกันแต่พื้นผิวที่แตกต่างกันก็ช่วยให้ห้องมินิมอลของเราดูไม่ธรรมดา ตัวอย่างเช่น ห้องเรียบง่ายสีขาว แต่อาจมีผนังตกแต่งอีกส่วนที่ใช้สีขาวเหมือนกัน แต่ติดตั้งแผ่นไวนิลฉลุสามมิติหรือเป็นแผ่นลามิเนตแบบกลอสซี่ ก็เพิ่มมิติทางการมองเห็นที่สนุกกว่าที่เคย

3 ต้นไม้คือพร็อพส์ชั้นดี

          ถ้าคิดไม่ออกบอกไม่ถูก เพียงหาต้นไม้มาวางไว้สักต้นก็ช่วยเปลี่ยนห้องมินิมอลเรียบง่ายให้ดูอบอุ่นขึ้นอีกขั้น สำหรับต้นไม้ฟอร์มสวยที่ปลูกในบ้านได้ก็เช่น ต้นจั๋ง ลิ้นมังกร หรือวาสนา หรือถ้าจะให้สนุกขึ้นมาอีกนิด ก็สามารถใช้ไม้ใบปักใส่แจกันใสเป็นพร็อพส์ที่เปลี่ยนได้บ่อยๆ ตามต้องการ ไม้ใบตัวอย่างเช่น ใบฟิโลเดนดรอน ใบโปร่งฟ้า ใบหลิวทอง ที่หาซื้อได้ตามร้านขายดอกไม้ทั่วไป

4 แสงสว่างเปลี่ยนอารมณ์

          จากกลางวันที่รับแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่ ผ้าม่านโปร่งที่ช่วยกรองแสงอาทิตย์สว่างจ้าให้ซอฟต์ลง เปลี่ยนเข้าสู่กลางคืนจากโคมไฟติดหลอดไฟวอร์มไวท์ หรือจะเป็นไฟคูลไวท์สว่างจ้าที่เป็นหลอดไฟหลักของห้อง ก็ทำให้บรรยากาศตลอดทั้งวันแตกต่างกันไปไม่มีเบื่อแม้จะเป็นห้องสีขาวห้องเดียวกัน ยิ่งถ้าไฟแสงสว่างที่ติดตั้งเพิ่มไม่ว่าจะเป็นจากโคมไฟสีอบอุ่นแบบวอร์มไวท์หรือหลอดไฟสีสว่างแบบคูลไวท์สามารถดิมปรับระดับ ก็ยิ่งเน้นถึงอารมณ์และความรู้สึกที่แตกต่างกันไปได้อีก

5 เติมเฟอร์นิเจอร์สีแสบเข้าไปสักชิ้น

          ถึงใจรักสายคลีน แต่ก็แอบเปรี้ยวซ่าได้ด้วยเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวโทนสีสดใส เช่น เก้าอี้สตูล เก้าอี้อาร์มแชร์ หมอนอิง ผ้าตกแต่ง หรือแม้กระทั่งงานศิลปะชิ้นใหญ่ แนะนำให้อีกนิดว่า ลองเติมดอกไม้สีเดียวกับเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวชิ้นนั้นเลยก็ได้ เพื่อห้องที่สดใสทั้งจากสีสันของเฟอร์นิเจอร์และสีสันแสนสดชื่นของดอกไม้ แล้วถ้าวันไหนเกิดเบื่อขึ้นมา แค่ยกออก ห้องก็กลับมาเป็นห้องมินิมอลเช่นเคย หรือจะวนเปลี่ยนเป็นสีอื่นก็สนุกได้ตามใจ

6 กรอบเพิ่มรูปทรงให้ผนัง

          กรอบรูปสีขาวบรรจุภาพวาดหรือลายเส้นสไตล์มินิมอล หรือกรอบกระจกเงา แม้จะเป็นสีเดียวกลมกลืนไปกับงานตกแต่งของห้อง แต่ก็ช่วยขับเน้นให้พื้นที่ให้ดูมีลีลาไม่น่าเบื่อ แนะนำให้ใช้กรอบรูปตั้งแต่สองชิ้นขึ้นไปมาจัดองค์ประกอบบนผนังให้สวยงาม หรือจะใช้กรอบรูปชิ้นใหญ่เพียงชิ้นเดียวหรือกรอบกระจกบานใหญ่ วางร่วมกับพร็อพส์อื่นๆ เช่น หนังสือหรือต้นไม้ต้นเล็กๆ ก็เพิ่มมุมชีวิตชีวาให้กับห้องมินิมอล

7 วัสดุพลิ้วไหวแบบธรรมชาติ

          เปลี่ยนห้องแบบมินิมอลที่ดูแข็ง ด้วยพร็อพส์สายพลิ้วไหวที่ให้ความรู้สึกอ่อนนุ่ม ตัวอย่างเช่น พรมชิ้นขนยาว หมอนอิงสีขาวขนยาว ผืนผ้าแต่งบ้านแบบปล่อยชาย หรือทำของตกแต่งผนังด้วยตัวเองด้วยไอเดียการทำมาคราเม่ ซึ่งเป็นเทคนิคการถักเชือกฝ้ายสำหรับตกแต่งบ้าน จะเป็นชิ้นงานสำหรับตกแต่งผนัง ใช้เป็นพาร์ทิชั่นสำหรับกั้นห้อง หรือเป็นเปลแขวนกับฝ้าเพดาน ก็จะได้สไตล์อาร์ติสต์เพิ่มขึ้นมาอีกจุด