ฉีดโบท็อกซ์ รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจฉีด และวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด
ฉีดโบท็อกซ์
การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) คือ การนำสาร Botulinum Toxin A ที่สกัดมาจากแบคทีเรีย คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) มาฉีดเข้าที่ผิวหนังบริเวณใบหน้าของเรา เพื่อลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย และปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับตามต้องการ ซึ่งผู้ใช้จริงหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โบท็อกซ์นั้น สามารถให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ภายในระยะเวลาที่รวดเร็วมาก อีกทั้งยังสร้างความมั่นใจ ให้กับผู้มีปัญหาเกี่ยวกับใบหน้า ได้เป็นอย่างดี
รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ และวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด
ฉีดโบท็อกซ์แล้วโบท็อกซ์ออกฤทธิ์ และส่งผลกับบริเวณที่ฉีดอย่างไรบ้าง เมื่อได้ทำการฉีดให้กับเราแล้ว สาร Botulinum Toxin A จะเข้าไปทำให้เซลล์ประสาทบริเวณกล้ามเนื้อที่ฉีด หยุดการหลั่งสารสื่อประสาทออกมา จนทำให้เรารู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวหดตัว ชา และตึง จนไม่สามารถขยับได้หรือขยับได้น้อย และเมื่อฉีดไปสักครู่ กล้ามเนื้อส่วนที่ฉีดก็จะค่อย ๆ คลายตัวออกมา และทำให้ร่องลึกบนใบหน้าเราดูจางลง ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ระยะเวลาการเห็นผลจะแตกต่างกันไป ดังนี้
- หลังการฉีด 2 – 3 วัน ริ้วรอยต่าง ๆ จะเริ่มดูจางลง
- หลังการฉีด 7 – 14 วัน ริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ จะเริ่มดูจางลง
เนื่องจากโบท็อกซ์ เป็นสารธรรมชาติที่สกัดจากแบคทีเรีย คลอสตริเดียม โบทูลินัม ร่างกายก็จะค่อย ๆ สลายโบท็อกซ์ไป เมื่อเวลาผ่านไป 6 – 12 เดือน แตกต่างกันไปตามการดูแล และชนิดของโบท็อกซ์ที่เลือกใช้
ฉีด BOTOX ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง
- ช่วยเติมเต็มร่องลึกทุกส่วนบนใบหน้าได้ โดยเฉพาะร่องแก้ม
- ผู้ใช้หลาย ๆ คนเห็นผลว่า สารที่ฉีดยังสามารถช่วยยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อยได้ และเพิ่มความเต่งตึงให้กับผิวหนังทันที หลังทำ ไม่ต้องพักฟื้น
- โบท็อกซ์สามารถช่วยปรับลดขนาดกล้ามเนื้อ ให้ดูเล็ก และอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
สามารถฉีด BOTOX บริเวณใดได้บ้าง
- การฉีด BOTOX นั้นสามารถทำได้กับทุกบริเวณที่มีริ้วรอยและร่องลึก โดยส่วนใหญ่แล้ว มักนิยมฉีดในบริเวณที่ มีริ้วรอยที่มักจะเกิดจากการแสดงอารมณ์ เช่น หน้าผาก ตีนกา และริ้วรอยหางตาที่เกิดจากการยิ้มหรือหัวเราะ เป็นต้น นอกจากนี้ โบท็อกซ์ยังสามารถนำไปฉีดที่บริเวณคิ้ว เพื่อช่วยทำให้ดวงตาดูกลมโตและอ่อนวัยมากยิ่งขึ้นได้ด้วย
- สำหรับการฉีด BOTOX ในส่วนของร่องแก้ม ริ้วรอยริมฝีปาก คอ หรือคางนั้น แพทย์อาจจะสามารถใช้โบท็อกซ์ร่วมกับคอลลาเจน หรือ การทำทรีทเมนต์ด้วยเลเซอร์ เพื่อเป็นการฟื้นฟูสภาพผิว และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้
- โบท็อกซ์ นิยมนำไปฉีด เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น โดยจะนิยมฉีดบริเวณแนวขากรรไกร และแก้ม
ต้องดูแลตัวเองอย่างไรหลังฉีด BOTOX
- นอนอย่างถูกวิธี
อย่าลืมว่า โบท็อกจำเป็นต้องใช้เวลาในการทำงาน และเซ็ตตัว ดังนั้น หลังฉีด BOTOX แล้ว ผู้ฉีดจึงควรเพิ่มความระมัดระวังในการดูแลตัวเอง สำหรับการนอนใน 24 ชม. แรกนั้น ผู้ที่เพิ่งฉีด BOTOX มาใหม่ ๆ ห้ามนอนตะแคง และ ควรนอนหงาย รวมถึง การเลือกใช้หมอนหนุนหัวที่สูง รวมถึงใน 3 – 4 ชม. แรกเป็นอย่างต่ำก็อย่าเพิ่งเผลอนอนราบ หรือ ยังไม่นอนเลยจะดีที่สุด เพราะอาจทำให้โบท็อกซ์ที่ฉีดจะไหลไปที่อื่นได้ - ห้ามนวดเด็ดขาด
การนวด ถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่อาจทำให้โบท็อกซ์ ไหลไปยังบริเวณส่วนอื่น ๆ ของกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเลือกฉีดยี่ห้อไหนก็ดี หลังฉีดแล้วต้องจำไว้ว่า อย่านวด คลึง จับ บีบ กด ใด ๆ ทั้งสิ้น อย่างน้อยก็ต้องทิ้งระยะ หลังการฉีดให้ได้มากกว่า 7 – 10 ชม. เพื่อที่จะแน่ใจได้ดีที่สุด - หลีกเลี่ยงความร้อน
เรื่องนี้ควรเลี่ยงทั้งก่อนฉีด และหลังฉีด อย่างน้อยก็สัก 2 สัปดาห์ เพราะหากบริเวณที่ฉีดเจอกับความร้อนนาน ๆ อาจทำให้โบท็อกซ์กระจายตัว และสลายเร็วกว่าที่ควรจะเป็น - ประคบเย็น
การประคบเย็น ในบริเวณที่ฉีด จะช่วยลดอาการบวมแดงในช่วงแรก ๆ ได้ และยังส่งผลให้ใบหน้าเข้ารูปไวจากการอักเสบ ที่ลดลงไปอีกด้วย - งดสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ มีส่วนทำให้โบท็อกซ์เสื่อมคุณภาพเร็ว ดังนั้นผู้ฉีดควรงดเป็นอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังฉีด